วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ลุงสน นักวิ่งมาราธอน วัยเกษียณ แข้งแข็งและแรงมาก ฉายา หัวลาก

เช้า วันเสาร์ที่ 18 กรกฏาคม 2558 หลังเคารพธงชาติ อุ่น พี่โปรจรัญ กับพี่สน (ลุงสน) พร้อมกันตามเวลานัดเป๊ะ (ปลื้มตัวเอง และปลื้มทุกคนที่มีโอกาสสัมผัสชีวิตกันในช่วงนี้ ที่เราเห็นคุณค่าในเวลาของกันและกัน  อุ่นเชื่อว่านักกีฬาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า นอกจากสุขภาพจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตแล้ว เวลาก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะทั้งสองอย่างถ้าผ่านไป หรือเสียไปแล้ว มีเงินมากมายล้นบ้านก็เอากลับไม่ได้...ปลื้มปริ่ม )

สวัสดีพี่โปรจรัญ แต่ยังไม่ได้ทันสวัสดีพี่สน  ก็มีเสียงใสๆ ของพี่ยุลอยมากับลม ลุงสนสวัสดีค่ะ” 
อุ๊ปสส
!!! พี่สนของพี่จรัญ ... ลุงสนของพี่ยุ  ... อุ่นคิดในใจว่า มีเซอไพรส์อีกแล้ว  ชายหนุ่มวัยกลางคน กล้ามเนื้อ กล้ามขาแลดูแข็งโชะ  พร้อมเคลื่อนไหวกระฉับกระเฉง แข็งแรง แคล่วคล่อง  ห่อร่างท่อนบนไว้ด้วยเสื้อวิ่งสุดชิค เอวลอยเสมอขอบเอวกางเกง คนนี้น่ะหรือ ลุง !!!  อุ่นแทบหยุดหายใจ ถามทันทีอย่างมีมารยาทว่า

ลุงสนอายุเท่าไหร่คะ
67 ปี (คุณผู้อ่านขา อุ่นคิดว่าสักประมาณ 55 นี่ล่ะมั๊งที่เขาบอกว่า กีฬาๆ เป็นยาวิเศษ)

ลุงสนเริ่มวิ่งตอนอายุเท่าไหร่คะ
เริ่มวิ่งตอนอายุประมาณ  53 – 54 ปี (โอ้ว ! อีกประเด็นที่ทำให้ประหลาดใจ  เริ่มออกกำลังกายจริงจังตอน อายุ 50 กว่า แล้ว  และร่างกายสามารถรักษาสภาพไว้ให้ดูเป็นหนุ่มแข็งแรงได้ขนาดนี้  มันยอดเยี่ยมจริงๆ  ... อยากให้คุณผู้อ่านได้มาเห็นความแข็งแรงสดชื่นของลุงสนเหมือนที่อุ่นเห็นอยู่ตรงนี้เลยค่ะ) *** ยิ่งคุยยิ่งสนุก คำตอบในคำถามต่อไป จะทำให้คุณผู้อ่านยิ่งรักลุงสน และรักสุขภาพของตัวเองมากขึ้นไปอีก

อะไรทำให้ลุงสนออกวิ่งคะ
ลุงบริจาคเลือดมาตั้งแต่อายุ 20 ปี กว่าๆ บริจาคได้มาตลอด มาถึงวันนั้น ที่อายุประมาณ 53-54 ปี หมอไม่รับบริจาค เพราะมีไขมันในเลือดสูง (คลอเรสเตอรอลสูง)  หมอบอกให้ออกกำลังกาย ลุงก็ออกวิ่งเลย ตอนนั้นยังทำงานอยู่ ก็วิ่งตอนเย็น วันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ วิ่งไปประมาณ 3 เดือน ก็กลับไปบริจาคเลือด  ปรากฎ ................... บริจาคได้ ลุงดีใจนะ ไขมันในเลือดลดได้โดยที่ลุงไม่ต้องกินยา ร่างกายลุงแข็งแรงขึ้น แถมเลือดก็ยังเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้อีก จนถึงปัจจุบันนี้บริจาคมาร้อยกว่าครั้งแล้ว ดีใจ ดีใจ (กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษของแท้นะคะคุณผู้อ่านขา)

ลุงสนเริ่มเป็นนักกีฬาลงสนามแข่งวิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
เริ่มประมาณอายุ 55 ปี สมัยนั้นเรียกว่าเป็นนักกีฬารัฐวิสาหกิจ ก็เริ่มติดใจตั้งแต่นั้นมา เขาจัดแข่งปีละครั้ง ลุงลงแข่ง 5 ปี จนเกษียณเลย ตอนนั้น เป็นการแข่งวิ่งเร็ว 100 เมตร 4x100 800 เมตร 1500 เมตร 5000 เมตร พอเกษียณ ลุงก็ยังวิ่งต่อ จนมาลงสนามแข่งมาราธอนนี่แหละ

เรียกว่าเกษียณจากงาน แต่ไม่เคยเกษียณจากการออกกำลังกายใช่มั๊ยคะ
ใช่ ใช่  ตอนเช้าลุงมาวิ่งที่สวนหลวง ร.9  ทุกวัน เริ่มวิ่งประมาณ 6 โมงครึ่ง วิ่งวันละ 15 กิโล ประมาณ 1 ชม. ครึ่ง


แล้วสถิติเวลาที่ลุงทำได้ในสนามแข่งล่ะคะ
เอาเท่าที่ลุงจำได้ตอนนี้นะ
มินิ ฮาล์ฟ มาราธอน
(10.5 กม.) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ฮาล์ฟ มาราธอน (21.กม.) ใช้เวลา 1 ชม. 40 นาที
มาราธอน
(42.195 กม.) เร็วที่สุดที่ทำได้ อยู่ที่  3 ชม. 53 นาที
(โอ้ว !!! ความแข็งแรงไม่ได้ลดลงตามวันเวลาชีวิตที่เหลืออยู่ แต่หากแข็งแรงขึ้นตามวันเวลาของการฝึกซ้อม...นี่ล่ะมั๊งที่พี่โอ เรียกลุงว่า หัวลาก)

อุ่นมักจะชอบถามว่า ทำไมต้องลงสนามแข่ง แล้วคิดอะไรในระหว่างวิ่งอยู่ในสนามเพราะมันใช้เวลาอยู่กับตัวเองนานหลายชั่วโมง คำถามนี้ขอถามลุงด้วยนะคะ
ลุงว่านะออกกำลังกายทั้งที ก็ต้องให้ถึงสุดยอดของกีฬาชนิดนั้นๆ แล้วสุดยอดของมาราธอนก็คือวิ่ง 42 กิโล  ลุงคิดอย่างเดียวขอให้ถึงเส้นชัย ไม่คำนึงเวลานะ วิ่งให้ถึงอย่างเดียวเลย ขอให้ถึง ไม่ขึ้นรถกลับบ้าน ลุงก็ถือว่าชนะแล้ว ครั้งแรกที่ลุงวิ่ง 42.195 กิโล ลุงใช้เวลาอยู่ที่  4 ชม. 34 นาที   หลังจากนั้นเวลาก็ดีขึ้นๆ จนได้ถ้วย ระยะ 42.195 นี่ลุงลงแข่ง 8 ครั้ง ได้ถ้วย 2 ครั้ง  นี่ลุงจะบอกอะไรให้ ตอนแรกลุงวิ่งเพื่อลดไขมันในเส้นเลือดนะ แต่พอมาวิ่งได้ถ้วยมันเริ่มติดถ้วยละ คือ อย่างนี้นะ เราวิ่งไม่เคยได้ถ้วย ได้แต่ไปยืนดูเขารับถ้วยกัน เราก็อยากได้บ้างน่ะ (ลุงสนพูดพร้อมหัวเราะ น้ำเสียงจริงจังขี้เล่น...อยากให้คุณผู้อ่านได้ยินเสียงหัวเราะตอนหัวใจลุงฮึกเหิมอยากได้ถ้วยจริงๆ ... มันเฟี้ยวฟ้าวค่ะคุณผู้อ่านขา) โอ้โห ถ้วยแรกที่ได้นะดีใจมาก (ลากเสียงยาวเลยค่ะ) วิ่งกับนักวิ่งแถวหน้า แล้วเราเข้าที่สามน่ะ มันดีใจ ดีใจมากๆ บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าดีใจมากน่ะ
เนื่องจากวันนี้เรามีเวลาคุยกันประมาณ 20 นาที เพราะลุงสนต้องรีบไปดูแลให้คุณป้า (ภรรยา) กินยาตรงตามเวลา เราจึงมาถึงบทสนทนาสุดท้ายกันอย่างรวดเร็ว

ลุงสนจัดอยู่ในกลุ่มคนวัยเกษียณ แต่สุขภาพแข็งแรงมากๆ  จากการดูแลตัวเองและโดยเฉพาะการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ลุงมีอะไรฝากถึงทุกคนที่ได้ผ่านมาอ่านเรื่องที่ลุงเล่าให้ฟังวันนี้อย่างไรมั๊ยคะ
การวิ่งนี่เป็นกีฬาที่ง่ายและสะดวก และราคาถูกมากนะ เล่นคนเดียวได้ ไม่ต้องรอใคร รองเท้า 1 คู่ เสื้อผ้าง่าย 1 ชุด น้ำ 1 ขวด ก็ออกวิ่งได้แล้ว  สุขภาพสำคัญมาก พยายามนะ อย่าบอกเลยว่าไม่มีเวลา เราจ่ายเวลา ไม่ว่าเช้าหรือเย็น หรือวันหยุด มาเจอเพื่อนใหม่ กิจกรรมใหม่  ถึงวันหนึ่งวันนั้น ถ้าป่วย เสียเวลากว่าออกกำลังกายอีกนะ เสียเวลาไปหาหมอ บวกเสียเงิน
ลุงจะบอกว่า อย่ารอให้หมอสั่งเลย วันที่หมอสั่งให้ออกกำลังกายมันอาจไม่ทัน วันนี้เรายังแข็งแรงอยู่ ก็สั่งตัวเองเลย เช้าหรือเย็นก็ได้  วันละ
30 นาทีขึ้นไป ไม่วิ่ง ก็เดินเอาก็ได้ แต่เดินเร็วๆ นะ เดินแบบผิดนัดน่ะ อะไรเหรอคะลุง ...เดินแบบผิดนัด ? ก็เดินรีบๆ ต้องรีบไปให้ทันนัดน่ะแล้วเดินต่อเนื่องด้วย หัวใจจะได้ทำงานให้เลือดสูบฉีดได้ต่อเนื่อง
ลุงอยากจะบอกจริงๆ นะว่าอย่ารอให้หมอสั่ง อย่างแฟนลุงเนี่ย เมื่อก่อนชวนออกกำลังกายไม่ออก แต่หลังจากหมอสั่ง พอมาออกก็ติดใจ แต่บางอย่างมันไม่ทันนะ มันวิ่งไม่ได้ แต่ยังดีที่เดินได้ แฟนลุงเนี่ยเพิ่งทำบายพาสไป หลังจากทำบายพาส ก็พักไป 1 เดือน และตอนนี้ออกกำลังกายที่สวนมา 3 เดือนแล้ว (เดินวันละ 1 ชม.ครึ่ง แล้วก็ฟิตเนสที่ลานสุขภาพสวนหลวง ร. 9 อีก 30 นาที) แข็งแรงขึ้นเยอะ น้ำหนักก็ลดลงด้วย แต่ลุงอยากจะบอกจริงๆ นะว่า ถ้าใครยังไม่ป่วย ก็ออกก่อนเลย เพราะถ้าป่วยแล้ว มันไม่มีทางเอากลับคืนมาได้หมด


ลุงดีใจนะที่เห็นคนคนมาออกกำลังกายที่สวนหลวง ร.9 นี่ ยิ่งเสาร์อาทิตย์รถแน่นแทบไม่มีที่จอด มองดูแล้วดีจัง  ฝากบอกถึงเด็กด้วยเลย ไม่ต้องรออายุเยอะนะ วันละ 30 นาทีขึ้นไป เดินไป วิ่งไป เดี๋ยวร่างกายจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นเอง  ออกวิ่งหรือเดินราคาถูกแสนถูก รองเท้าคู่ละ 500 800 บาท ก็ใช้ได้แล้ว ลุงก็เริ่มต้นที่ราคาเท่านี้แหละ (แล้วก็มีเสียงแซวมาจากพี่จรัญว่า ค่อยๆ ขยับคุณภาพและราคารองเท้าขึ้นตามฝีเท้า)  (โอ้โห !!!  ฝีเท้าโปรระดับลุงสนคงห่าง 500 800 ไปหลายเท่าตัวแล้วค่ะคุณผู้อ่านขา)  ..... แล้วหนูอุ่นมาซ้อมวิ่งกับลุงนะ ลุงวิ่งไม่เร็วหรอก ..... จบประโยคนี้ขาแข็งๆ น่องแข็งแรงๆ ของลุง ก็ขอตัวไปทำธุระต่อกับคุณป้าภรรยาสุดที่รักต่อค่ะ...น่ารักจัง ^___^

ทุกครั้งที่มีนัดคุยกับนักวิ่งมาราธอน อุ่นก็จะตื่นเต้น และจะทำการบ้านมาก่อนเสมอว่าจะถามประเด็นอะไร อยากให้นักวิ่งเล่าเรื่องอะไร เพื่อที่อุ่นจะได้มีมุมที่แตกต่างจากเดิม ให้คุณผู้อ่านได้สนุกและได้อะไรใหม่ๆ ในทุกครั้ง แต่พอเมื่อถึงเวลาคุยกันจริงๆ วิถีของการตั้งประเด็นของอุ่นยังใกล้เคียงกับครั้งก่อนๆ แต่อุ่นกลับสนุกและประหลาดใจทุกครั้งกับนักวิ่งทุกคนที่กรุณาเล่าเรื่องราวเทห์ๆ ให้ฟัง


สำหรับครั้งนี้ ลุงสนยังไม่ทันเริ่มเล่า ก็มีเรื่องให้ประหลาดใจแล้ว อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ปีนี้ลุงสนอายุ 67 ปี แต่คุณผู้อ่านขา ดูจากสายตา อุ่นยังคงให้อายุลุงสนอยู่ที่ประมาณ 55 มันยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับชีวิตนะคะ การออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่ง เป็นการลงทุนที่ถูกแสนถูก แต่ได้กำไรให้ชีวิตมหาศาล ในวัย 67 ปี แต่ลุงสนไม่ป่วยเป็นอะไรเลยสักอย่าง แถมรูปร่างนะ  เซี๊ยะ ค่ะ  หน้าท้องแบนราบ แข้งขาเนี่ย อุ่นว่าแข็งแรงกว่าผู้ชายในวัย 40 หลายคนเลยทีเดียว

และลุงสนเป็นตัวอย่างให้พวกเราเห็นว่า ชีวิตเริ่มต้นเมื่อไหร่ก็ได้ ลุงเริ่มวิ่งตอนอายุ 50 ปีกว่าแล้ว ในขณะที่หลายๆ คน อาจคิดว่า 50 กว่าแล้วไม่ทันหรอก มันจะเป็นอะไรก็ให้มันเป็นไป จึงไม่ได้ลงมือทำอะไร และสุดท้ายก็ทรุดโทรม เจ็บป่วย ใช้เงิน ใช้เวลาในการรักษา ประเด็นนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องราวในชีวิตนะ ไม่ว่าจะมีความตั้งใจอะไร อยากทำอะไร หากมันเป็นเรื่องราว เป็นความตั้งใจที่ถูกต้องดีงาม ไม่ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เราสามารถเริ่มต้นได้เลย ณ วินาทีนี้  ไม่มีคำว่าเด็กเกินไป แก่เกินไป มีแต่คำว่า วินาทีนี้นี่แหละดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นทำอะไรบางอย่าง ค่อยๆ ทำไปอย่างสม่ำเสมอตามวิถีของตัวเอง  แล้วเรื่องราว หรือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำสะสมในทุกวัน ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ให้กำไรกับชีวิต  เช่นเดียวกับที่ลุงสนค่อยๆ สะสมความแข็งแรงให้ร่างกายมาด้วยการวิ่งที่เริ่มเมื่ออายุ 50 กว่า หากว่าเทียบกับคนในวัยเดียวกันที่ไม่ได้ออกกำลังกาย อาจเสียสตางค์ค่าหมอไปมากหลายแล้ว แต่สำหรับลุงสน อุ่นว่านะ ลุงยังไปปีนเขาเที่ยวเล่นกับวัยรุ่นได้สบายๆ เลยล่ะ



แล้วถ้าแวะมาสวนหลวง ร.9  จำลุงได้ง่ายๆ ตรงเสื้อเอวลอยเสมอขอบเอวกางเกงนะจ๊ะ สวัสดีลุงสน แล้ววิ่งกับลุง ลุงบอกว่า ลุงวิ่งไม่เร็วจ๊ะ ^____^

ขอบคุณ
ลุงสน อ้นรัตน์ ผู้แบ่งปันเรื่องราว และ
พี่โปรจรัญ พูลสวัสดิ์ ผู้นำพาลุงสน มาเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจนี้สู่ชาวโลก
อุ่นไอ  ไทยแลนด์ ... เรียบเรียง

ปล. คุณผู้อ่าน มีประเด็นอะไรอยากถามนักวิ่งมาราธอน ฝากคำถามไว้ที่ Comment นะจ๊ะ  ... อุ่นจะถามมาเขียนให้จ๊ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น