เมื่อวันหนึ่งวันนั้น สายตาสาดไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งคนนั้น กล้ามแขนน่าแทะเล่น เดินตัวตรง ออกวิ่งแพร๊บเดียวกลับมา
นึกว่าไปอาบน้ำในบึงสวนหลวง ร.9 เสร็จแล้วมาเล่นเวทต่อ
ผู้ชายที่ในเสื้อกีฬาสีแดง กางเกงขายาวสีขาว โดดเด่นสะดุดที่ตา อุ่นนี่หนาเลยต้องขอคุยด้วย
พี่โอ อินทนนท์ แขกรับเชิญของ
บล็อค “Marathon ที่รัก” ครานี้... อุ่นเจอพี่โอครั้งแรก
นึกในใจ เราเรียกเขาพี่โอ เขาจะว่าไรป่าวน๊า (เข้าใจว่าอายุ 37 เท่ากัน ...ไม่ได้พูดอะไรเกินเลย
สายตาอุ่นเห็นแบบนั้นจริงๆ) พอวันนึงได้ยินพี่ยุ เรียก พี่โอว่า “เฮีย” ... อุ่นเหมือนโดนของเข้า ถึงกับอุทานในใจ ฮ๊า !!! ต้องคุยด้วย ต้องรู้ให้ได้ว่าพี่โออายุเท่าไหร่
(อันที่จริง ถ้าคุณผู้อ่านมาที่สวนหลวง ร.9 หรือ
ที่ไหนก็ได้ที่มีคนออกกำลังกายประจำอยู่ที่นั่น ก็มักจะมีอาการประหลาดใจเสมอ
เมื่อพบว่า หน้าตาอ่อนกว่าอายุมากๆ มากเป็นสิบปีเลยล่ะ)
7 โมงเช้า ตรงศาลาหน้าลานเวท (ลานสุขภาพสวนหลวง ร.9) วันที่ได้รู้ว่า พี่โอไม่ใช่อายุ 37 แต่เป็น 56
ค่ะคุณผู้อ่านขา
(เริ่มสงสัยตัวเองว่า พี่โอหน้าเด็ก หรือเราหน้าแก่ ... อุ๊ต๊ะ! บร๊ะ! บรึ๋ย !) ......
และการสนทนาก็เริ่มขึ้น
รูปร่างพี่โอดี๊ดี เป็นเพราะวิ่งใช่ป่ะคะ
ผมเล่นเวทครับไม่ได้เน้นวิ่ง นักวิ่งจริงๆ รูปร่างไม่เป็นแบบนี้หรอก นักวิ่งแขนขาเขาจะเล็ก (ดูแข็งแรงไปอีกแบบ) รูปร่างเป็นแบบนี้เพราะผมเล่นเวท แต่ไม่ได้เล่นให้ตัวใหญ่นะ เล่นให้แข็งแรงประมาณนี้แหละ ส่วนเรื่องวิ่งผมวิ่งแบบจ็อกกิ้งประมาณ 6-7 กิโล 30 นาทีขึ้นไป เพื่ออบอุ่นร่างกายก่อนเล่นเวท ผมอยากเพิ่มกล้ามเนื้อส่วนอื่นให้สมส่วนจึงเน้นเล่นเวท วิ่งมันได้แค่กล้ามเนื้อขา แต่วิ่งให้ผลดีมากกับปอด กับหัวใจ ได้ระบบการหายใจที่ดีขึ้นมาก
ผมเล่นเวทครับไม่ได้เน้นวิ่ง นักวิ่งจริงๆ รูปร่างไม่เป็นแบบนี้หรอก นักวิ่งแขนขาเขาจะเล็ก (ดูแข็งแรงไปอีกแบบ) รูปร่างเป็นแบบนี้เพราะผมเล่นเวท แต่ไม่ได้เล่นให้ตัวใหญ่นะ เล่นให้แข็งแรงประมาณนี้แหละ ส่วนเรื่องวิ่งผมวิ่งแบบจ็อกกิ้งประมาณ 6-7 กิโล 30 นาทีขึ้นไป เพื่ออบอุ่นร่างกายก่อนเล่นเวท ผมอยากเพิ่มกล้ามเนื้อส่วนอื่นให้สมส่วนจึงเน้นเล่นเวท วิ่งมันได้แค่กล้ามเนื้อขา แต่วิ่งให้ผลดีมากกับปอด กับหัวใจ ได้ระบบการหายใจที่ดีขึ้นมาก
ตอนเริ่มออกกำลังกาย พี่โอออกเพราะอยากให้กล้ามเนื้อฟิตๆ แบบนี้เหรอคะ
เริ่มต้นเลยเนี่ย ผมออกกำลังกายเพราะเป็นห่วงสุขภาพ ตอนนั้น 8 ปี ที่แล้ว (อายุประมาณ 48 ปี) น้ำหนัก 83 กิโล น้ำหนักเพิ่มขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น แต่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย จับหยิบอะไรก็อ่อนแรงเหลือเกิ๊นนนน คนตัวเล็กกว่าเราเขามีแรงเยอะกว่าเราอีก (ทีแรกเราเข้าใจว่าเราตัวใหญ่จะแข็งแรง แต่มันไม่ใช่) สู้กัน ผลักกันกับคนตัวเล็กเราสู้เขาไม่ได้นะ พุงก็ยื่นเพราะไขมันเยอะ เลยรู้เลยว่ามันไม่เวิร์คแล้ว ... วันนึงผมดูรายการหนึ่งแล้วก็ได้แรงบันดาลใจ เขาเกษียณแล้วและก็อ้วนด้วย มาบอกเราผ่านรายการทีวีว่า เขาจ็อกกิ้งวันละประมาณ 45 นาที เสร็จแล้วเขาก็มาเล่นเวท เราก็คิดว่าเขาทำได้เราก็ทำได้สิ
เริ่มต้นเลยเนี่ย ผมออกกำลังกายเพราะเป็นห่วงสุขภาพ ตอนนั้น 8 ปี ที่แล้ว (อายุประมาณ 48 ปี) น้ำหนัก 83 กิโล น้ำหนักเพิ่มขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น แต่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย จับหยิบอะไรก็อ่อนแรงเหลือเกิ๊นนนน คนตัวเล็กกว่าเราเขามีแรงเยอะกว่าเราอีก (ทีแรกเราเข้าใจว่าเราตัวใหญ่จะแข็งแรง แต่มันไม่ใช่) สู้กัน ผลักกันกับคนตัวเล็กเราสู้เขาไม่ได้นะ พุงก็ยื่นเพราะไขมันเยอะ เลยรู้เลยว่ามันไม่เวิร์คแล้ว ... วันนึงผมดูรายการหนึ่งแล้วก็ได้แรงบันดาลใจ เขาเกษียณแล้วและก็อ้วนด้วย มาบอกเราผ่านรายการทีวีว่า เขาจ็อกกิ้งวันละประมาณ 45 นาที เสร็จแล้วเขาก็มาเล่นเวท เราก็คิดว่าเขาทำได้เราก็ทำได้สิ
ผ่านมา 8 ปี จากน้ำหนัก 83 ตอนนี้เหลือ 66 กิโล
น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ เอง เพราะเราไม่ได้ออกกำลังกายเพื่อลด เราออกให้แข็งแรง พอเราแข็งแรงแล้ว เราก็ค่อยๆ สร้างกล้ามเนื้อให้ฟิตให้เฟิร์มทีหลัง
ก็ทำมาเรื่อยๆ ก็ได้แบบนี้นะ
พี่โอช่วยบอกเทคนิค
หรือวิธีลดความอ้วนให้คนอ้วนที่อยากผอมหน่อย
คนที่อยากลดความอ้วนจริงๆ ทางเทคนิคการแพทย์บอกว่าต้องออกกำลังกาย 45 นาทีขึ้นไป
เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญ ใน 30 นาทีแรก
ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานที่เราเพิ่งกินไปเมื่อวานออก ส่วน 30 นาทีต่อมา
ร่างกายจะเอาพลังงานเก่าที่สะสมมานานแล้วออก
ถ้าคนที่ไม่รู้มาออกกำลังกายนิดหน่อยแล้วไม่ลด ก็จะเกิดความท้อ ดังนั้น
ต้องเข้าใจว่าถ้าจะลดความอ้วนต้องออกกำลังกาย 45 นาทีขึ้นไปอย่างจริงจังนะ ต้องอดทน ถ้าจะลด
คนที่ลดน้ำหนักฮวบๆ โดยวิธีกินยาลดโดยที่ไม่ได้ออกกำลังกายเนี่ย
ไขมันออกไป แต่กล้ามเนื้อไม่ได้รับการสร้างมาให้เฟิร์ม เนื้อหนังก็จะย่นลง
ร่างกายจะไม่เฟิร์ม ฉะนั้นนะ ถ้ารักสุขภาพ
และอยากเฟิร์ม ก็ต้องออกกำลังกาย เพื่อเอาไขมันออก และให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อมาแทนที่ ทำไปเรื่อยๆ สม่ำ เดี๋ยวน้ำหนักจะลด
และคงตัวอยู่ที่ร่างกายเราเหมาะน่ะครับ ส่วนเรื่องกิน
ก็ดูแลปริมาณอาหารให้พอเหมาะกับพลังงานที่ร่างกายต้องใช้ คือกินให้พอดีนั่นเอง
ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย
เรื่องลดลดช้า แล้วท้อ เนี่ย
มีเรื่องจะพูดให้ฟังนะ ... คนเรากว่าจะอ้วนได้ใช้เวลาเท่าไหร่สะสมมาตั้งหลายปี
ถูกมั๊ย แล้วเวลาจะเอาออกจะรีบไปไหน มันเป็นไปไม่ได้ มันก็ต้องค่อยๆ ทำไปลดไปเหมือนกัน ให้มันลดไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องใจร้อนไปกินยา กินยาลดความอ้วน ทั้งอันตราย ทั้งไม่เฟิร์ม ออกมาวิ่งเผาผลาญพลังงาน แล้ววิ่งเผาผลาญ
แล้วมาเล่นเวทเพื่อสร้างกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน แบบนี้ดีที่สุด
(มาวิ่งมาเล่นเวทที่สวนหลวง ร.9
ไม่เสียสตางค์ด้วย)
(ทิ้งท้ายแบบชัดเจนหนักแน่น ว่า) ออ ! อย่าไปเชื่อเรื่องยาลดน้ำหนัก ลุกขึ้นมาทำเองครับ ลุกขึ้นมาปฏิวัติ
(ปฏิวัติตัวเองจ๊ะ) พยายามลุกขึ้นมา
ทุกอย่างต้องใช้ความตั้งใจ คนเราถ้ามีความตั้งใจแล้ว ก็ทำให้ถึงที่สุด ไม่ล้มเลิกกลางทางด้วยนะ
พี่โอกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน เมื่อ ธันวาคม 2557
พี่โอๆ คะ เพื่อนๆ พี่โอที่อายุ 56 สภาพเขาน่าจะล่วงเลย ไปไกลแล้วนะ แล้วนี่พี่โอจะฟิตไว้รอใครคะ !!!
(พี่โออึ้งไปแพร๊บนึง แล้วตอบว่า) เรื่องสภาพนี้ผมก็จะช้านิดนึงนะ เติบโตช้า ให้เขาไปกันก่อนไม่เป็นไรผมไม่รีบ อิอิ ... จริงๆ แล้วผู้ชายส่วนใหญ่กินเที่ยว ไม่ห่วงสุขภาพเท่าไหร่ แต่พอมีอาการไม่ชอบมาพากล ไปหาหมอ หมอแนะนำให้ออกกำลังกายแล้วก็มาออก มันไม่ทันนะ
(พี่โออึ้งไปแพร๊บนึง แล้วตอบว่า) เรื่องสภาพนี้ผมก็จะช้านิดนึงนะ เติบโตช้า ให้เขาไปกันก่อนไม่เป็นไรผมไม่รีบ อิอิ ... จริงๆ แล้วผู้ชายส่วนใหญ่กินเที่ยว ไม่ห่วงสุขภาพเท่าไหร่ แต่พอมีอาการไม่ชอบมาพากล ไปหาหมอ หมอแนะนำให้ออกกำลังกายแล้วก็มาออก มันไม่ทันนะ
เมื่อก่อนผมก็เที่ยวแบบไวหนุ่มแหละ แต่เราไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว
ไปเที่ยวก็เมาน้ำเปล่านี่แหละ เที่ยวตามวัยไปสักพักใหญ่ วันนึงเราก็รู้สึกมันไม่มีประโยชน์ ผมก็เลยเปลี่ยนการเที่ยวใหม่ ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวแบบธรรมชาติอะไรประมาณนั้น ดีกว่าเยอะ
ย้อนกลับไปนิดนึง ... สาเหตุอะไรทำให้น้ำหนักพี่โอเพิ่มขึ้นมาในระดับ 83
กิโล ซึ่งเป็นระดับที่พี่โอบอกว่าร่างกายเริ่มไม่แข็งแรงแล้ว
ทำงาน พอทำงานก็ไม่ได้สนใจเรื่องออกกำลังกายเลย อันที่จริงผมอยากบอกคนหนุ่มสาวนะ ว่าออกกำลังกายมันดีกับสุขภาพมากๆ แต่พวกเขามักพูดว่าไม่มีเวลา ผมว่ามันน่าเสียดายนะ เรื่องไม่มีเวลามันไม่จริงหรอกครับ วันละแค่ 20-30 นาที ก็ได้เพื่อสุขภาพ แต่เนื่องจาก เขาคิดว่าตัวเองยังแข็งแรงไง ก็เลยไม่ได้ทำกัน ถ้าเขารู้นะว่าถ้าเขาออกกำลังกายตอนนี้วันละนิดๆ แล้วทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงสวยเมื่ออายุมากขึ้นนะ มันเยี่ยมไปเลยล่ะ แหมเสียดายแทน
ทำงาน พอทำงานก็ไม่ได้สนใจเรื่องออกกำลังกายเลย อันที่จริงผมอยากบอกคนหนุ่มสาวนะ ว่าออกกำลังกายมันดีกับสุขภาพมากๆ แต่พวกเขามักพูดว่าไม่มีเวลา ผมว่ามันน่าเสียดายนะ เรื่องไม่มีเวลามันไม่จริงหรอกครับ วันละแค่ 20-30 นาที ก็ได้เพื่อสุขภาพ แต่เนื่องจาก เขาคิดว่าตัวเองยังแข็งแรงไง ก็เลยไม่ได้ทำกัน ถ้าเขารู้นะว่าถ้าเขาออกกำลังกายตอนนี้วันละนิดๆ แล้วทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงสวยเมื่ออายุมากขึ้นนะ มันเยี่ยมไปเลยล่ะ แหมเสียดายแทน
เราออกกำลังกายเราก็สะสม เหมือนหยอดกระปุกนะ
ทีละสลึง ทีละบาท หยอดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เต็ม
ออกกำลังกายค่อยๆ ออกไป เดี๋ยวก็แข็งแรง ส่วนการทำร้ายร่างกายก็เหมือนกัน
ค่อยๆ หยอดเหมือนกัน ทีนี้จะเลือกหยอดอะไร
ให้เต็มแบบไหนก็ตามใจแค่นั้นเอง การหยอดทำร้ายร่างกายเขาหยอดแบบเสียตังค์นะ แต่คนออกกำลังกายหยอดไม่เสียงตังค์ แถมมีแต่ได้ด้วย
เจอเพื่อนฝูงยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ก็ทำเอง ใช้ได้จริงๆ
นะ ประโยคนี้ เราออกกำลังกายไม่ต้องไปเสียเงินหาหมอด้วยนะ คนที่ไม่ออกกำลังกาย แถมกินเหล้าทำร้ายตัวเอง
จ่ายเงินซื้อเหล้า พอป่วยก็ไปจ่ายสตางค์ให้หมออีก
มาออกกำลังกายใช้เงินซื้อรองเท้าคู่เดียวใส่วิ่งไปได้ตั้งหลายปี มันคุ้มสุดๆ นะ
มาวิ่ง มาเล่นเวท เล่นอะไรไม่เป็น ก็ถาม
แถวนี้มีคนยินดีบอกยินดีสอนเยอะแยะ อย่างเรื่องวิ่งเนี่ย รุ่นพี่นักวิ่งมาราธอนทั้งหลายเนี่ย
เขาบอกว่า เวลาวิ่งอย่าบิดเอว อย่าบิดลำตัว ให้วิ่งตัวตรง แกว่งแค่แขน หายใจเข้า ออกตามจังหวะเท้า
(หายใจเข้าไปลึก แล้ววางเท้าในจังหวะที่หายใจออก ) จะทำให้เราเหนื่อยช้าลง
วิ่งได้นานขึ้น สาเหตุที่ทำให้เหนื่อยช้าลง เพราะว่าออกซิเจน เข้าไปในร่างกาย แล้วที่สวนหลวงนี่ ต้นไม้เยอะ อากาศดี
ออกซิเจนทั้งนั้น หายใจเข้าไปลึกๆ เลย
ไปฟอกเลือด หายใจลึกๆ ปอดก็ใหญ่ขึ้น
ทั้งแข็งแรงทั้งเฟิร์ม
เดี๋ยวนี้ส่องกระจก ก็คิด “เราดูดีขึ้นแฮะ” ดีใจ
(พร้อมหัวเราะชอบใจตัวเอง)
พี่โออยากบอกอะไรกับชาวโลกเรื่องสุขภาพ หรือเรื่องออกกำลังกายมั๊ย
ออกกำลังกายแล้วร่างกายมันสดชื่น หน้าตาสดใส เจอแต่เพื่อนดีๆ ผมว่าชีวิตมันมีแต่กำไรนะ
ออกกำลังกายแล้วร่างกายมันสดชื่น หน้าตาสดใส เจอแต่เพื่อนดีๆ ผมว่าชีวิตมันมีแต่กำไรนะ
แล้วก็ออกกำลังกายเนี่ยไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ เพิ่ม อย่างผมตอนที่วิ่งใหม่ๆ นะ
เริ่มวันละ 100 เมตร
แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 200 เป็น
300 ขึ้นไปเรื่อยๆ
จนได้วันละหลายกิโล จากที่ตอนอ้วนแค่เดินก็เหนื่อยง่ายแล้ว แต่ตอนนี้วิ่ง 7 โล 8 โล
ก็ยังไม่เหนื่อย
และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนา
ที่ผ่านมาก็ลงวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (21
กิโล) งานดอกบัวคู่ เข้า 1 ใน 5 ด้วย (5 คนสุดท้าย) 555x สนุกแท้ (สนามต่อไปเจอกันที่ 5 คนแรกนะครับ
อิอิ)
วิ่งงานดอกบัวคู่ 28 มิถุนายน 2558
อยากบอกว่าอะไรๆ
ก็ไม่ได้สร้างภายในวันเดียว
สุขภาพดีไม่ได้สร้างในวันเดียว
กล้ามเนื้อสวยๆ ก็ไม่ได้สร้างในวันเดียวเหมือนกัน มันต้องค่อยๆ สะสมไปครับ
ป้องกันไว้อย่าให้ป่วย อย่าถึงกับรอให้ป่วยแล้วค่อยตระหนัก มันไม่ทันนะ
บางทีพอไปถึงหมอ หมอบอกระยะสุดท้ายแล้ว
จบกันไม่ทันจริงๆ
ซ้ายวันนั้น ขวาวันนี้
ส่วนอุ่นลงมติว่า ผลของการออกกำลังกายของพี่โอวันนี้ ยิ่งกว่ากำไร
เพราะประหลาดใจอย่างแรงกับตัวเลขอายุพี่โอ ที่ 56 ขวบ ...
ขอให้พี่โอแข็งแรง คงสภาพนี้ไว้เป็นแรงบันดาลใจให้ชาวโลกไปนานแสนนานนนนนะค๊า
อุ่นไอ ไทยแลนด์...เรียบเรียง
ปล. มีบทความย้อนหลัง ของพี่ยุ พี่จรัญ พี่โจอี้ น้องกิ๊ก พี่องศามาฝากด้วย ... เชิญรับความสำราญและแรงบันดาลใจจากการวิ่งกันตามอัธยาศัยค่ะ
http://dearmarathonbyparamat.blogspot.com/2015/06/blog-post.html
พี่ยุกับ มาราธอน ทอนอ้วน
http://dearmarathonbyparamat.blogspot.com/2015/06/blog-post.html
พี่ยุกับ มาราธอน ทอนอ้วน
http://dearmarathonbyparamat.blogspot.com/2015/06/blog-post_5.html
พี่จรัญ พูลสวัสดิ์ กับเสน่ห์มาราธอน
พี่จรัญ พูลสวัสดิ์ กับเสน่ห์มาราธอน
http://dearmarathonbyparamat.blogspot.com/2015/06/60.html
พี่โจอี้ ... 60 ยังแจ๋ว (30 ที่ว่าแจ๋ว ยังอาย !!!
อัลตร้า เกิร์ล วัยละอ่อน กับ ประโยคปักใจ "ถ้ากลัวก็ไม่ต้องลงแข่ง แต่ถ้าลงแล้วก็ต้องไปให้ถึง"พี่โจอี้ ... 60 ยังแจ๋ว (30 ที่ว่าแจ๋ว ยังอาย !!!
http://dearmarathonbyparamat.blogspot.com/2015/06/blog-post_29.html
พี่องศา ศรเล็ก "ถูกตัดรอนจากสนามบอล สู่การเป็นแชมป์เปี้ยนในสนามวิ่ง"